กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง

13 เมษายน 2008 22:04 น. บันทึก

กลับมา เจอกัน อีกครั้งหนึ่ง
มิอาจรู้ ว่าคิดถึง แค่ไหน
ชีวิต วกวน วุ่นวาย
แต่ยินดี ที่ได้ เจอกัน

คำพูด ล่องลอยอยู่ ในอากาศ
กลับไม่อาจ คว้าได้ ดังฝัน
เรื่องราว เรื่องเล่า สารพัน
บางครั้งกลาย เป็นสามัญ ธรรมดา

เพราะโลกนี้ เป็นละคร โรงใหญ่
อินเตอร์เน็ท เชื่อมใว้ ทั้งหล้า
จน “ไม่มีสิ่งใดใหม่” ให้ตรึงตรา
ทุกสิ่งนั้น เคยเกิดมา ไม่รู้ซ้ำ

เพียงอยากเล่า เรื่องราว ประสบ
ก็กลับพบ หลากบันทึก ลึกล้ำ
อินเตอร์เน็ท ชักพา ชี้นำ
ให้ติดตาม อ่านต่อ และต่อไป

มีเพลงใด เพราะกว่าใน ไอทูนส์เล่า?
มีหนังใด เทียบเท่า ยูทูบ ไหม?
วิกิพีเดีย ไม่อาจรู้ สิ่งใด?
กูเกิ้ล หาได้ ทุกเรื่องราว

ผลสุดท้าย กลับไม่รู้ สักสิ่ง
ว่าแท้จริง รู้จริง หรือยิ่งเขลา?
รู้เพื่อรู้? รู้เพื่อรวย? รู้เพื่อเอา?
รู้เพื่อเรา? รู้เพื่อเขา? หรือเพื่อใคร?

เมื่อหนทาง ยังไกลนัก ให้เรียนรู้
จะมีใคร อดทนสู้ อยู่ไหม?
สู้เพื่อสิ่ง ที่รู้นั้น ไม่ซ้ำใคร
สู้เพื่อวัน ที่เรื่องใหม่ จะเกิดมา

หรือแท้จริง ที่ควรรู้ ก็รู้แล้ว
แต่ไม่แคล้ว ไม่กล้าทำ ข้ามปัญหา
จึงเวียนว่าย ในสงสาร อยู่นานมา
และสุขใจ ภูมิปัญญา “รู้เพื่อรู้”

ช่วงนี้ได้รับรู้เรื่องกระทบใจหลายอย่าง

  • คุณเอก กล่าวถึงเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ว่าเป็น เจนเนอเรชั่นชิว คือ ชิว เท่ เหมือนจะมีฝัน แต่ไม่มีพลังผลักดันอะไร (เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนทำไปหมดแล้ว) และทำนายต่อว่า ยุคต่อไปอาจไม่มีการเกิดขึ้นของ Entrepreneur อีกนาน
  • พัชเสริมว่า ยิ่งเล่นดนตรี ยิ่งไม่พบนักดนตรีงำประกายเหมือนก่อน บางทีการเล่นดนตรีให้เก่ง ไม่เย้ายวนเหมือนการเป็นดาราชั่ววูบแล้วกระมัง
  • ข้าพเจ้าเห็นเด็กประถมเล่นกีต้าร์ในยูทูบแล้วก็ตกใจ ถ้าเป็นข้าพเจ้าเองในวัยเด็ก อาจถอดใจ เลิกเล่นกีต้าร์ไปแล้ว ไปเต้นเลียนแบบดาราเกาหลีน่าจะง่ายกว่า
  • แล้วเด็กรุ่นนี้ จะมีเวลาภูมิใจในความสามารถของตนเองบ้างไหมเนี่ย? จะมีเวลารู้สึกประสบความสำเร็จบ้างไหมเนี่ย?
  • ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำทำนายของนักจิตวิทยาต่อโนบิตะที่ปราศจากโดเรมอน ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ถึงตอนจบจะไม่มีโดเรมอน โนบิตะก็ต้องโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะเครื่องมือวิเศษของโดเรมอนเคยทำให้เค้ารับรู้ “ภาวะประสบความสำเร็จ” แล้ว เค้าก็ต้องหาทางสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยตนเองจนได้

  • อ่านหนังสือ Bakery and I แล้วก็เห็นใจสุกี้ในตอนที่ต้องเลิกทำอาชีพนักดนตรี เมื่อความฝันครั้งหนึ่งอยากเป็นนักดนตรี ปัจจุบันได้เป็นแล้ว แต่ในอนาคต มันจะไม่มีอาชีพนี้อยู่อีกแล้ว – มันไม่น่าเศร้าหรอกหรือ? เหมือนกับถ้าเราจะเคยฝันว่าวันนึงจะเป็นผู้ผลิตฟิล์มถ่ายรูปที่ยิ่งใหญ่ แล้วจู่ๆ วันนึง คนทั้งโลกกลับไม่มีใครใช้กล้องฟิล์มถ่ายรูปกันอีกแล้ว
  • โอเอาปัญหาประเภทหยิบเหรียญ ชั่ง ตวง วัด เปิดสวิทช์ไฟ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคนรักคณิตศาสตร์ระดับมัธยมยิ่งนัก มาทาย ท่านจ๋งใช้เวลาพริบตา หาคำตอบจากอินเตอร์เน็ทมาแบบไม่มั่ว และพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงเสมอ ข้าพเจ้าที่พยายามสุ่มตัวเลขหลายวิธี หมดความสนุกโดยพลัน,
    แม่ง! มึงจะไม่รู้ซักเรื่องได้มั้ยวะ ไอ้วิกิพีเดีย!
  • หลังจากไม่สามารถทนอ่านหนังสือหนักๆ แบบคุณรักชวนหัว, ไม่ค่อยอินกับเพลงเท่ๆ แบบคุณขนุน, ไม่สามารถดูหนังลุ่มลึกแบบคุณดูหนังอย่างคนป่วย ฯลฯ ก็ตระหนักแล้วว่าข้าพเจ้านั้นเสพติดความตื้นเขินและรสนิยมสาธารณ์ (Cliché) นั่นเอง ดังนั้น การได้โอ้อวดศัพท์ที่ว่าข้าพเจ้าไม่ใช่จำพวก “รู้เพื่อรู้” หรือ “สำเร็จความใคร่ทางปัญญา” นั้น ข้าพเจ้าก็กลายเป็นเท่กว่านักวิชาการผู้ลุ่มลึกทั้งปวง โอ้ว นี่คือยุคสมัยที่ผู้ตื้นเขินเป็นคนเท่อย่างแท้จริง
  • คุณจูนกล่าวเตือนว่า อย่าไปเชื่อหนังสือ “คิงเนเวอร์สะมาย” มาก อย่าลืมว่า คอรัปชั่น และ รัฐประหาร เป็นความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หากประเทศเราทำอะไรโปร่งใสและตรงไปตรงมาหมด เราน่าจะตกเป็นเมืองขึ้นสิงคโปร์/อเมริกา ไปนานแล้ว หรือง่ายกว่านี้มาก (รวมถึงวัฒนธรรมหน้าไหว้หลังหลอกของสถาบันและประเทศของเรา ซึ่งสร้างผลดีเด่นชัดในยุคเสรีไทย – นี่ก็เป็นภูมิปัญญาไทยแบบหนึ่ง)
  • วาทกรรม – การก้าวข้ามชนชั้นด้วย “ความรู้” ที่อาจารย์นิธิกล่าวตำหนิว่า การบอกว่า “อย่าเอาปลาให้ชาวบ้าน แต่จงสอนชาวบ้านจับปลา” เป็นเพียงคำอ้างสวยหรูของชนชั้นกลางและสูงเท่านั้นเอง เมื่อเราไม่แก้ปัญหาให้ใคร (รวมถึงรุกรานด้วย) เราก็อ้างแค่ว่า “มาเอ็นท์ให้ติดละกัน จะได้หายจน” หรือ “มึงไม่พอเพียงเองนี่นา” – กระทบใจข้าพเจ้าดียิ่งนัก
  • บารัค โอบาม่า – หากจะกล่าวอย่างเท่ๆ และโอหังนัก คงต้องบอกว่า ที่ข้าพเจ้ายอมมาทำธุรกิจ ก็เพราะแรงบันดาลใจจากสตีฟ จ๊อบส์ หากสักวันข้าพเจ้าจะยอมทำงานการเมือง ก็ต้องเพราะแรงบันดาลใจจาก บารัค โอบาม่า และบทเพลงจากสุนทรพจน์อันเท้เท่ (แต่ไม่บอกว่าจะทำอะไร) – Yes, we can. นั่นแล
  • พี่สาวข้าพเจ้าแท้งลูก และครุ่นคิดถึงการมีลูก ว่าควรมีดีหรือไม่ คิดเลยไปถึงความวุ่นวายของชีวิตคู่
    ก่อนจะแต่งงาน พี่สาวข้าพเจ้าอยู่วัดป่านานหลายปี ปฎิบัติกรรมฐานมาไม่น้อย ท่ามกลางเหล่ากัลยาณมิตรจำนวนมาก,
    บัดนี้กัลยาณมิตรเหล่านั้น ทยอยไปถึงภาวะ “ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว” เสียแล้ว – ซึ่งย่อมหมายความว่า พี่สาวข้าพเจ้าและพวกเขา จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว ไม่ว่าในชาติไหนๆ ในอนาคต,
    ฟังแล้วอ้างว้างนัก

กล่าวรวมๆ ก็คือ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความโกลาหลของโลกที่กำลังดำเนินไป และตระหนักถึงอำนาจอันน้อยนิดของตนเอง แต่กระนั้น ชีวิตก็เติบโตขึ้นอย่างมีความสุขดี และคาดว่า จะได้ทำสิ่งที่ดีๆ (ที่ข้าพเจ้าเชื่อว่าดี) ต่อไป

ปล. งานเยอะ ย้ายโฮสต์อุตลุด แล้วดันมาถูกใจโปรแกรม WordPress ซะนี่ (ก็เพราะไปช่วยเค้าตกแต่งเว็บฟ้าเดียวกันนิดๆหน่อยๆ เลยไปพบสุดยอด CMS ที่มองข้ามไปนาน) ก็เลยถือโอกาสปรับโฉมใหม่อีกครั้ง

ความเห็น

ความคิดเห็น

  1. Dhamma พูดว่า:

    อ่านหัวข้อเรื่อง ปฏิบัติกรรมฐานของพี่สาวของคุณเม่น แล้วจบด้วยคำว่า “อ้างว้างนัก” อยากเข้าใจเรื่องกรรมฐานลองเข้าไปฟังที่เวบนี้ครับ http://www.wimutti.net ลองฟังการบรรยายธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ 🙂 แล้วจะเข้าใจครับ

  2. ปลาทู พูดว่า:

    โอ้ววว พี่เม่นนน โดนใจมากค่าาาา แจ่มมากเลยย เวลามองสังคมรอบๆตัว ทูก็รู้สึกแบบเีดียวกันนี้แหละ ในฐานะวัยรุ่น ก็ท้อๆอยู่รำไร ทูว่า วัยรุ่นทั่วๆไปที่ประสบความสำเร็จน่ะ เป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งสุดๆเรยย อยากรู้จริงๆว่า อนาคตเราจะend up แบบ dystopian รึป่าวน้ออ …
    ps. อยากไปเรียนistudio 555

  3. ปลาทู พูดว่า:

    หลวงพ่อปราโมทย์นี่ ฟังแล้วเข้าถึงสุดๆเรยค่า เห็นด้วยย

  4. pat พูดว่า:

    iSchool นะครับ บ่จั้ย iStudio 😀

    สำหรับ youtube : อย่างน้อยตอนนี้เราก็น่าจะเป็นทีมที่
    present โปรแกรมทำเพลงชนิดหนึ่งได้ดีที่สุดในโลกนะ

  5. 71 พูดว่า:

    แล้วจะไปขอเรียนลัดนะ