ชีวิตผ่านไปทีละวัน (1) ช่วงอนุบาล-ประถม

19 กุมภาพันธ์ 2007 11:36 น. บันทึก ,

ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยเรื่องสั้นจบในตอน ทั้งดีและร้าย สนุกสนาน ไร้แก่นสาร หรือมุ่งมั่นค้นหาสาระ บางเรื่องที่ผ่านมานั้น เราอาจจะลืมมันไปเสียนาน จนกระทั่งมีเหตุการณ์ให้หวนระลึก เรื่องที่เคยจบในตอน ก็กลับกลายเป็นแค่ปฐมบท สำหรับเรื่องขนาดยาวต่อมา

ช่วงอนุบาล-ประถม

เป็นช่วงวัยเด็กที่เลี้ยงยาก ยิ่งเป็นเด็กที่รู้สึกว่าพ่อแม่เลิกกันไม่เห็นจะเป็นอะไร ยิ่งน่าจะทำให้พ่อแม่เลี้ยงยาก พ่อเป็นลูกคนจีนที่ต้องสร้างและเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่แม่หัวสมัยใหม่ อยากจะมีอิสระ และทำงานนอกบ้าน ตอนแรกๆที่ทะเลาะกัน แม่จะหนีเข้ามากรุงเทพ และให้ผมหยุดเรียนขึ้นรถไฟ (ชั้น 3, ตู้นอน) มาด้วย พอพ่อมาง้อ แม่ถึงจะกลับ เกิดขึ้นหลายครั้งจนแม่ไปถึงอเมริกา และแต่งงานใหม่ ซึ่งท่านก็จะส่งเงินมาให้ลูกๆ ในขณะที่พ่อเอง ก็รู้สึกว่าต้องเลี้ยงดูลูกๆให้พอ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องการศึกษา ที่บ้านที่พิษณุโลก จะมีห้องหนังสือขนาดใหญ่ มีหนังสือภาษาไทยจำนวนมากเท่าที่บ้านต่างจังหวัดจะมีได้

เห็นแรงจูงใจแบบนี้ ก็น่าจะเข้าใจได้ส่วนหนึ่งว่า ผมย่อมรู้สึกยินดีเมื่อได้โดดเรียน (เมื่อพ่อแม่ทะลาะกัน) และยินดีเมื่อได้ค่าขนมมากกว่าเด็กต่างจังหวัดปกติ (เมื่อพ่อแม่ทะลาะกัน) และก็ยินดีที่เมื่อเข้าร้านหนังสือ ผมจะซื้อหนังสือได้ทุกเล่มที่ต้องการ (เมื่อพ่อแม่ทะลาะกัน)

นอกจากนั้น ด้วยความทุ่มเทของพ่อและแม่ ผมก็ได้ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ทั้งเรียนดนตรี (เปียโน, กีต้าร์, กลอง, แซกโซโฟน) เล่นกีฬา (เคยแข่งว่ายน้ำกีฬาเขต, แข่งเทนนิสเยาวชน, ฟุตบอลระดับประถม) เรียนบัลเล่ (เคยแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ) เรียนวาดภาพ (เคยวาดสีน้ำได้สวยจนครูคอมเม้นแซวว่า “ก็ดีถ้าวาดเอง” และก็ทำให้แม่ถึงกับไปหาครูที่โรงเรียนเพื่อบอกว่า “ลูกดิฉันวาดเองค่ะ”, แข่งวาดรูประดับจังหวัด) เย็บปักถักร้อย (ถักนิตติ้ง, ถักโครเช, ปักครอสติช, ปักลายบนผ้า-ตามหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่แม่สะสมไว้) แต่งบทกวี (ได้รับรางวัลระดับประเทศ จากพระเทพฯ) ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ (ประกอบชุดคิตต่างๆ, งานประดิษฐ์, งานช่าง, เขียนวงจรไฟฟ้าได้ตอนป.4 – ตอนนั้นคลั่งไคล้เอดิสันมากๆ เลยพาลชอบรถไฟไปด้วย เพราะชีวิตวัยเด็กของเอดิสันเกี่ยวพันกับรถไฟ) โมเดล (ตัวต่อจำลองพลาสติก, รถบังคับ, เครื่องบินบังคับใช้น้ำมัน) ฯลฯ

ผมมีเวลาทำสิ่งต่างๆในวัยเด็กมากมาย เพราะผมไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เหมือนคนทั่วไป แน่นอนว่า มันทำให้ต่อมาในวัยหนุ่มผมไม่เคยสงสัยใน “เจตจำนงเสรี” ของมนุษย์ และเมื่อมองย้อนกลับไป ผมถึงกับเคยคิดว่า ผมควรจะต้องเลิกกับภรรยาในภายภาคหน้าหรือไม่ (ถ้ามี) เพื่อให้ลูกของผม (ถ้ามี) ได้รับอิสรภาพที่งดงามเหมือนกับวัยเด็กของผม

ในตอนนั้นผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่พ่อแม่แยกทางกัน กลับรู้สึกดีที่ท่านตัดสินใจเสียที (จริงๆท่านคงรอให้ผมโตหน่อย) ผมเข้าใจพ่อว่า “คนเรานั้นควรเดินตามครรลองแห่งหน้าที่” และเข้าใจแม่ว่า “คนเรานั้นควรเดินตามความฝันของตัวเอง” แต่พอความคิดมันเริ่มขัดแย้งในหัวผม ผมก็จะหาทางออกโดยคุยกับตัวเองว่า “ไอ้เม่น มึงยังเด็กอยู่โว้ย วัยเด็ก ไม่มีใครเค้าเครียดกัน” นั่นแหละ ไม่ว่าจะสอบ หรือแข่งประกวดอะไร ถ้าจะกังวล ผมก็จะคอยบอกกับตัวเองว่า “มึงยังไม่เป็นผู้ใหญ่ซักหน่อย วัยเด็กเป็นวัยแห่งความสุขนะโว้ย ถ้าจะเครียด จงมีความสุข”

ตอนต่อไป >  ชีวิตผ่านไปทีละวัน (2) ช่วงมัธยม

ความเห็น

ความคิดเห็น

  1. ben'tale พูดว่า:

    หนึ่ง… เปลี่ยนธีม และ เนวิเกชั่นใหม่ – ทั้งสวย ทั้งฟังชั่นขึ้นนะคะ : )

    สอง… เรื่องนี้อ่านแล้วได้เห็นชีวิตอีกแบบหนึ่ง

    คนบางคนอาจ ‘ได้ดี’ ด้วย‘โชคชะตา’ ขณะที่จำนวนมากกว่านั้น แม้ว่าฟ้าไม่ได้ให้มาสมบูรณ์พร้อม… แต่เป็นคน‘ดีได้’ ด้วย‘สายตา’

    ออกจะนามธรรมไปหน่อย แต่มันก็จริงอย่างที่มีคนบอกว่า ‘คิดดี ทำดี ก็จะพบกับสิ่งดีๆ’

    รออ่านต่อๆ

  2. i n i n g z พูดว่า:

    มาถึงตอนนี้ แอบนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อน ๆ สมัยม.ปลาย รู้สึกว่า ถึงแม้เราจะโดนจำกัดด้วยระเบียบและกรอบทั้งหลาย แต่ก็ยังมีความสุขอยู่ได้ในรั้วโรงเรียน และเพื่อนที่นิสัยใกล้ ๆ กัน ..

    ตอนนั้นเหมือนเวลามันเดินช้าจัง ค่อย ๆ เดินทีละเสี้ยววินาที .. แต่พอถึงวันนี้ ทำไมรู้สึกว่าเวสลามันเดินก้าวเดียวก็พรวดเป็นชั่วโมงแล้ว

    ถ้าหากถามว่าทุกวันนี้มีความสุขไหม ก็สุขตามอัตภาพและความอิสระเท่าที่หาได้ แต่มันจะมีบางช่วงที่หัวใจจะแอบร้องขอเวลาพักสัก 1-2 วันก็ยังดี 🙂

    ชีวิตทำงานมันไม่มีปิดเทอมนิ เมื่อไหร่เครียดก็นอน ถ้าหากมีเวลาเยอะหน่อย หรือพอจะปลีกตัวได้หน่อย ก็จะแอบแว๊บไปต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวไกล ๆ แทน .. ถ้าได้พักเต็มที่ กลับมาก็เหมือนได้ชาร์จแบต ถ้าไม่ได้พักเต็มที่ กลับมาก็รู้สึกเหมือนเดิม 🙂

  3. ป้ากรุ้งบินมาไกลค่ะ พูดว่า:

    เป็นเรื่องแอบหดหู่ที่นำเสนอได้สนุก น่าวิ่งตามมากดีจังเลย
    เกิดความคิดว่า คนเราจะมีโอกาสอยู่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น โอกาสก็ยังมาหาเขา และเขาก็ยังไม่ปล่อยทิ้งโอกาส อยู่นั่นแหละ ^^

  4. pY พูดว่า:

    พี่ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่า
    เอ็งเต้นบันเล่ต์ด้วย
    อะจึ๋ยย
    นึกภาพไม่ออก

  5. Addicted to Love พูดว่า:

    ผมชอบมุมมองที่พี่มองโลกมากครับ ^^

  6. p1i3c1h พูดว่า:

    ชีวิตคุณ น้า มีสีสันจังเลยครับ(อิจฉา) แถมวัยเด็กยังมีแต่ความสุขซะด้วย(รึปล่าว?)

    ปกติตอนเด็กๆผมชอบโดนเพื่อนแกล้งบ่อยๆ(ตอนป.4-5 →ปัจจุบันม.3)

    ถึงโดนแกล้งผมก็ไม่กล้าฟ้องครู อาจจะเป็นเพราะผมมีพี่ชายก็ได้ เลยทำให้ผมอ่อนแอ

    เมื่อโดนเพื่อนแกล้งผมก็เลยไม่อยากจำเรื่องราวต่างๆ เพราะยิ่งคิดมันทำให้ผมหดหู่ ไม่รู้ว่ามันทำให้ผมมีความจำต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ไม่ดีรึปล่าว?(ผมลืมเรื่องต่างๆง่ายมากๆ)

    หน้านี้ผมโหวดให้ 5 เลยครับ 🙂

  7. กูเอง โคตรนานเลย พูดว่า:

    เม่นเราเพื่อนเก่านาย นพพร สมัยเรียนที เกษมพิทยา จำได้ไหม ที่สมัยก่อนตอนเลิกเรียนเรากับโกศลไปบ้านนายที่รามคำแหงไง นานโคตร สบายดีไหม

  8. iMenn พูดว่า:

    โอ้ จำได้ อ้วนๆ นิดหน่อยใช่มั้ย ฮิฮิ 🙂 ถ้ามีนัดกันก็บอกได้นะคร้าบ เราเองอ้วนขึ้นเยอะมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าจะจำกันได้ 🙂

  9. กูเอง โคตรนานเลย พูดว่า:

    แล้วเดี๊ยวจะนัดเจ้าโกศลไปทานข้าวกัน แต่ความอ้วนมันก็ไม่ลดลงเลยนะ 55555 ว่างค่อยจอยกันตอนนี้ยุ่งมาก