ใช้ชีวิตคู่มาราวๆ 3 ปี 4 เดือน หากจะสรุปแนวคิดที่ทำให้คนครองคู่กันได้ ผมคิดว่าสมชีวิธรรมนั้นเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนมากทีเดียว ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ดูก่อน คฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกันทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน..”
– พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑)
สมชีวิธรรม
๑. สมสัทธา: มีศรัทธาเสมอกัน
บางคนอธิบายเพิ่มว่า ควรนับถือศาสนาเดียวกัน แต่ผมคิดว่าศาสนายังไม่สำคัญเท่ากับแนวคิดที่ตัวเองเชื่อในศาสนานั้นๆ หากความเชื่อไม่สอดคล้องกัน ก็อยู่กันได้ยาก
๒. สมสีลา: มีศีลเสมอกัน
ศีล คือแนวปฏิบัติของชีวิต หากถือศีลเท่าๆ กัน ก็ย่อมอยู่กันยืนยาว (พื้นฐานก็คือ: ไม่ฆ่าสัตว์/ไม่ลักทรัพย์/ไม่ประพฤติผิดในกาม/ไม่โกหก/ไม่เสพย์เหล้ายา)
๓. สมจาคา: มีจาคะเสมอกัน
จาคะ คือความเสียสละ และน้ำใจ หากมีให้กันไม่เท่ากัน หรือให้คนอื่นๆ ไม่เท่ากัน ก็ย่อมอยู่ด้วยกันยาก
๔. สมปัญญา: มีปัญญาเสมอกัน
ปัญญา คือความฉลาดรอบรู้ ผมคิดว่ามันย่อมยากที่คนเราจะมีเท่าๆ กัน แต่หากมีระดับการใช้เหตุผล/การแก้ปัญหาชีวิต/การเผชิญความทุกข์ ฯลฯ ที่แตกต่างกันมาก ก็ย่อมอยู่ด้วยกันได้ยาก
อุปสรรคของชีวิตคู่
สมชีวิธรรมที่เท่าเทียมกัน จะทำให้เรารักกันได้ แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการรักษาความเท่าเทียมนี้ไปให้ได้ตลอด เพราะคนเราต่างก็เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา หากจะอยู่คู่กันต่อไปได้ เราก็ต้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน ในทิศทางเดียวกันเพื่อให้ระดับของสมชีวิธรรมนี้ ยังเสมอกันไปได้ตลอด
ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมและจี้ก็ไม่สามารถทำได้ เราเติบโตกันไปคนละทาง และไม่ได้เกื้อกูลกันเท่าที่ควร เราเคยเลิกกันครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อน แล้วก็กลับมาคืนดีกัน แต่แล้วชีวิตก็ยังไม่สามารถเกื้อกูลกันได้ เราเลยตัดสินใจแยกทางกันในเดือนที่แล้ว และจดทะเบียนหย่าในวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา