ช่วงนี้ชีวิตเติบโตขึ้นมาก มุมมองของชีวิตเปลี่ยนไปพอสมควร รู้สึกนิ่งขึ้น มีความสุขอันละเอียดละออมากขึ้น ซึ่งคงเป็นเพราะหลายๆอย่างเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
- ฝันถึงวัยเด็กเมื่อปลายปีที่แล้วติดต่อกันหลายเดือน เลยได้กลับไปดูบ้านในวัยเด็กของตัวเอง
- แล้วก็เลยนึกเขียนบันทึก ชีวิตผ่านไปทีละวัน และได้ย้อนกลับไปดูตัวเอง ว่าเติบโตมาอย่างไร
- ได้เข้าอบรม Mind Training กับสถาบัน HOAI (โทร. 02-240-2844-5) จากการเชิญชวนและรบเร้าของนายฮั่น ทำให้ได้เปิดใจ ทำความเข้าใจอดีต มีเป้าหมายในชีวิต และกระตือรือล้นที่จะพัฒนาตนเอง คอร์สนี้พัฒนาขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อผู้คนต่างสิ้นหวังในชีวิต นักจิตวิทยาทั่วโลกต่างประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางออกว่า ผู้คนจะมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร
- ได้อ่านหนังสือ สนทนากับพระเจ้า, การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา ซึ่งยอดเยี่ยมสมกับที่คุณสุวินัยกล่าวว่า “เพราะ God ในหนังสือเล่มนี้ คือกัลยาณมิตรที่ทรงภูมิปัญญาที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผู้อ่านจะพานพบได้ในชีวิตนี้” หลายส่วนของ God ในหนังสือเล่มนี้ กล่าวได้สอดคล้องกับพุทธรรมมาก
- หนังสือ มนุษย์ ความหมาย และค่ายกักกัน, Man’s Search for Meaning เป็นเรื่องราวของผู้รอดชีวิตในค่ายกักกัน เหมือนกับที่เป็นสาเหตุแห่งการสร้างคอร์สอบรม Mind Trainning ที่พยายามจะชี้แนวทางบางอย่างร่วมกันว่า ผู้ที่รอดชีวิตนั้น ไม่ใช่เพราะเค้าหนุ่มหรือแก่ แข็งแรงหรืออ่อนแอ แต่เพราะมีความมุ่งมั่น และมีเป้าหมายในชีวิตต่างหาก ซึ่งความมุ่งมั่น หรือ Passion พื้นฐานที่นักจิตวิทยาสมัยใหม่ปูทางให้ ก็สอดคล้องกับทั้ง ฉันทะ และ ศรัทธา ในพุทธรรม
- หนังสือ ศิลปะแห่งความสุข, The Art of Happiness สอดคล้องกับทุกเล่มด้านบน แม้ผู้เขียนพยายามทำให้ดูมีหลักการตามวิทยาศาสตร์ไปนิด อย่างไรธรรมะและท่านดาไลลามะก็ยิ่งใหญ่เสมอ
- หนังสือ ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ ของ คุณศุภวรรณ กรีน และอีกหลายอย่างที่อ่านผ่านเว็บไซต์ เค้ากล่าวว่า ขออวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน โดยการประกาศว่าบรรลุอรหันต์ เพราะเห็นว่า หากไม่กล่าวเช่นนี้ ดูท่าคนทั่วไปจะไม่เชื่อว่าเส้นทางของพระพุทธเจ้ามีจริง โดยส่วนตัวกระผมไม่ทราบว่าเค้าบรรลุจริงหรือไม่อยู่แล้ว เพราะกระผมเป็นคนตาบอด มิอาจเห็นคนตาดี แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ และยิ่งปฎิบัติวิปัสนาตามก็ยิ่งสัมผัสได้ และยิ่งชอบที่ในหนังสือ ไม่เคยกล่าวอวดอ้างว่าเหนือพระธรรมแต่อย่างใด
- ได้ดู DVD เรื่อง The Secret ซึ่งพูดอยู่เรื่องเดียวเลยว่า ความลับที่จะทำให้คนเราได้ในส่ิงที่ปรารถนา นั่นคือ Law of attraction, ซึ่งเป็นเสี้ยวหนึ่งในพุทธรรมทั้ง อิทธิบาท 4 และ พละ 5 กล่าวคร่าวๆแล้วก็ยังสอดคล้องกับข้อบนๆที่กล่าวมา คือ ความเชื่อ ความมุ่งมั่น นั่นเอง ถ้าเชื่อว่าทำได้ เราจะทำได้ (หรือจะกล่าวตามพระคัมภีร์ไบเบิลก็ได้ว่า โดยความเชื่อ ท่านจะรอด)
- ได้ทำตามความฝันสำเร็จไปหลายๆเรื่อง ทั้งการได้แต่งเพลง ทำเพลงขาย ได้ออกอัลบัมของตัวเอง ได้ตระเวณเล่นคอนเสิร์ต เปิดหมวก และกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ได้ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ออกทีวี ได้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสีสัน ได้ทำ MV และได้ออนแอร์ออก MTV Thailand ได้ออกคลื่น Fat Radio, Seed FM และอื่นๆ (บางส่วนดูที่ บันทึก Happy D. Dogs: บทเพลงในอัลบัมง่ายๆ)
- และหลังจากโปรโมทและลงทุนไปปีเศษ ก็พบว่าธุรกิจดนตรีนั้นขาดทุนไปหลายล้านบาท และอัลบัมของผม กับศิลปินใหม่อีกคนหนึ่ง ก็ถูกลืมไปในสายลม (อ้อ คนอีก 99.9% ไม่รู้จักด้วย)
- ได้สร้างบริษัทของตัวเอง เริ่มจากตัวคนเดียว รับงานฟรีแลนซ์ จนกระทั่งมีพนักงาน 20 คน จากขายปีละแสน มาเป็นปีละสิบล้าน ได้ทำงานกับทั้งลูกค้าเมืองไทยและเมืองนอก ได้ถ่ายทำ คุมกองถ่าย ตัดต่อ เขียนบท ออกแบบ 3D กราฟฟิคดีไซน์ ทำหนังสือ ทำ event พูดบรรยาย นำเสนองานกับผู้บริหารระดับสูงในบริษัทใหญ่ๆ ฯลฯ มีงานที่ท้าทาย สนุกสนาน มีการพัฒนาตนเองตลอดเวลา
- แล้วปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ก็พบว่าเป็นขาลงของธุรกิจ บริษัทเอเจนซี่โฆษณาแบบผมปิดตัวไปจำนวนมาก เกิดการตัดราคากันครั้งใหญ่ และทำให้ผมต้องลดคน เหมือนกับปิดบริษัททิ้งไป แล้วเปิดบริษัทใหม่ เล็กๆ พอดีๆ มีแค่ 10 คน มีอะไรก็ทำเอง ไม่มีลูกน้องเยอะเหมือนก่อน
- ทั้งเรื่องทำเทป และเรื่องทำบริษัทโฆษณา ได้บทเรียนตรงกันว่า อย่ารีบร้อนโต ให้รีบร้อนเข้าใจตัวเองดีกว่า และธุรกิจที่จะอยู่ได้นั้น ต้องมาจาก demand จริง (แน่นอนว่า demand คนก็เปลี่ยนไปตลอดเวลา)
- และช่วงนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่กระผมต้องทำงานเพื่อเงิน เมื่อก่อนตอนที่อยู่คนเดียว ผมก็เป็นเหมือนตั๊กแตนในนิทานอีสปได้ รื่นเริงตลอดเวลา พอหน้าหนาว คนอื่นอุ่น อิ่มหมีพีมัน ผมก็ยังหยิ่งหายใจเบาๆไปได้ แต่พอกลายเป็นบริษัท เราอดได้ แต่จะให้ลูกน้องมาอดก็ใช่เรื่อง ดังนั้นก็ต้องกู้ยืม ทวงเงินลูกค้า หาเงินหมุนไปเดือนๆอยู่ดี
- แล้วไอ้พันก็พากระผมไปเล่นเกมแข่งหนู หรือ Rat Race ของ Robert Kiyosaki ซึ่งทำให้เห็นความสิ้นหวังของการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ร้ายก็คือ ผมดันไม่อินกับทางออกที่เค้าเสนอให้ทำขายตรง นั่นยิ่งทำให้ผมเกิดความเบื่อหน่ายกับธุรกิจมากที่สุด ตั้งแต่เกิดมา
ถ้าคนรวย คือคนที่ได้ทุกสิ่ง ตามที่เค้าปรารถนา ก็ย่อมชี้ให้เห็นแล้วว่า มีแต่พระสงฆ์เท่านั้นที่จะรวยที่สุด – ซึ่งไม่ใช่เพราะได้ทุกสิ่ง แต่เป็นเพราะไม่ปรารถนาต่างหาก
โดยสรุป เมื่อปรารถนาน้อย เราก็จะรวยมาก
- ซุป เพื่อนภาคคอมผู้อุทิศชีวิตไปกับการปฎิรูปการศึกษาไทยมาหลายรูปแบบ ผิดหวังมาก็มาก (เช่นหลายโปรเจ็คของ The GURU) ผลสุดท้ายมาลงเอยที่การทำธุรกิจดำน้ำ (FreedomDive.com) เพราะเห็นว่าโลกใต้น้ำนั้น “เป็นโลกที่ไม่คุ้นเคย ลึกลับ และ งดงาม ซึ่งจะทำให้ผู้ดำน้ำรู้สึกนิ่งขึ้น สงบขึ้น และเห็นแก่ตัวน้อยลง” ซุปมาเยี่ยมที่ออฟฟิศของผมแล้วกล่าวว่า “ทำไมนายถึงเสียเวลาไปทำเรื่องมายาวะ ไม่ทำของจริงบ้างหรือ?”
- ได้พบกับความรัก ได้ตกหลุมรัก มีคนบอกรัก และได้เฝ้าดูแลการเติบโตของความรัก ซึ่งงดงามบ้าง กระท่อนกระแท่นบ้าง
ฯลฯ
ความคิดต่างๆ บางอย่างเกิดเพียงชั่วแล่น ผ่านมาพอให้เกิดความคิดฟุ้งซ่าน แล้วมันก็ไป เรียบเรียงมาบางส่วนเท่าที่นึกออก เพื่อจะได้เตือนตนเอง และบอกกล่าวว่า เกิดอะไรขึ้นในชีวิต
และผลลัพธ์ของเหตุประจวบเหมาะเหล่านี้ ก็ทำให้กระผมเติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และตระหนัก ในถ้อยคำที่คอยบอกกล่าวตนเองว่า
ความทุกข์นั้นเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิต ที่ต้องเผชิญและผ่านมันไป ไม่ใช่การหนีหน้าหรืออดทนรอ หากแต่ว่าเราต้องเผชิญ และเฝ้าดูมันทำร้ายเรา เพื่อให้เราได้เติบโตขึ้น
แล้วสุดท้าย ผมก็รู้สึกว่า ความเหงานั้น ไม่เท่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันเป็นเพียงบางห้วงอารมณ์ของชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ต่างหาก
ต้นกล้านั้นผลิใบ โตออกมาทะลุกระป๋อง
มันไม่แข็งแกร่งเหมือนตอนเป็นเมล็ดอีกแล้ว
แต่โลกใบเดิมนี้ ก็กลับสวยงามขึ้นอย่างประหลาด
เท่ว่ะ
จบแบบงาม ๆ 🙂
Love this blog 🙂
ท่านเม่นมาเขียนอะไรดี ๆ ให้อ่านอีกแล้ว แจ๋วจัง
แวะมาตอบครับ เพิ่งรู้ว่าทำวงดนตรีซะด้วย เยี่ยมๆ
แจ่ม ..
😀
เช่นเคยๆ
มาเมื่อไหร่ก็ยังได้อ่านเรื่องดีๆเช่นเคย
^^
ผมชอบมุมมองแบบนี้จริงๆครับ
update ซะทีสิพี่…
อืม…
ถ้อยคำชวนให้ผู้คนได้ขบคิด
เคยอิจฉาพี่เม่นมากที่ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำตลอด ไม่รู้ว่ารู้ตัวหรือเปล่าแต่มองเห็นประกายความสุข ความสนุกในตาพี่เม่นทุกที ….ความสุขมีแบ่งขายมั๊ยคะ แพงป่ะ
เขียนดีจังค่ะ
เท่ ! (อยู่ดี) 🙂
แว่บมาเยี่ยมชมค่ะ
อ่านประโยคแรกก้อหวานเรยนะคะพี่เม่น คิคิ
Take it easy, will you.
อือ มาอ่านดูแล้วได้ใจว่ะ เขียนได้สมกับผ่านอะไรมามากในชีวิตจริงๆ บางครั้งพวกเราก้อไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง จนกระทั่งได้ผ่านพบด้วยตัวเอง ยิ่งเจอได้รู้สิ่งต่างๆก้อกลับยิ่งทำให้ยิ่งรู้ว่าเราไม่รู้อะไรอีกเยอะ
เออ เออ กรูผ่านมาดูบล็กคมึง เห็นแล้วเกิดอารมณ์หลายอย่าง(ไม่ใช่อารมณ์ทางเพศนะ) ก้อรู้สึกเหงานิดๆว่ะ อ่านแล้วเข้าใจตัวเอง ก้อคงเหมือนอีกหลายคนที่ได้ผ่านกาลเวลามาช่วงหนึ่ง มันหล่อหลอมและบีบคั้นเรามาจนเจียน เปลี่ยนความคิดเราไปมาก จากที่ต้องการยิ่งใหญ่กว่าใคร อยู่สูงกว่าผู้อื่นใด อยากเท่ห์ แต่ก้อกลับรู้ว่ามันช่างเหลวไหลนัก ชีวิตแท้นั้น ไม่ได้ต้องการไรมากมายอย่างที่เคยคิด แค่ความรู้สึกดีๆกับผู้อื่น และกับตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเองด้วยอดีตที่ผ่าน หรือความฝันไร้จุดหมาย
ห้าห้าห้า บ่นอะไรมากมาย แต่ไม่มีไร แค่คันๆใจ เพราะเห็นที่เขียนไว้เท่านั้น
อือ พี่ชักสนใจไอ้คอร์สอะไรของเอ็งแล้วว่ะ แล้วยังไงเด๋วโทรไปหานะ
ขอบใจสำหรับบทความเรียงดีๆ และข้อมูลบางอย่าง
🙂 ได้ไปหรือยังครับพี่ บอกพวกผมด้วยนะ (ถ้าพี่ตัดสินใจไปวันไหน)
ขอบคุณพี่เม่นนะ อุตส่าห์แวะไปเจิม space เรา ทั้งๆ ที่อาจจำเราไม่ได้ 555
รู้สึกเขินเล็กน้อยที่ชื่นชมพี่เม่นลับหลัง ในที่สุดพี่เม่นก้อรู้จนได้ 😛
ดีใจที่พี่ได้อ่านหนังสือคริสเตียนแล้วรู้สึกดีคะ มีคำพูดคริสเตียนพูดไว้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าคือการซ่อนสรรพสิ่งไว้ เพื่อเมื่อมนุษย์ได้เรียนรู้และได้ค้นพบมันแล้วในที่สุดก็จะพูดว่า พระเจ้าช่างยิ่งใหญ่จริงๆ”
หนูมีความรู้สึกว่าพี่ก็เป็นอย่างนั้นอะคะ พี่ได้เรียนรู้ค้นพบอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อคนแปลกหน้าอย่างหนูด้วย พระเจ้าอวยพรคะ
แหะๆ พึ่งไปอ่านรายละเอียดหนังสือที่ว่าสนทนากับพระเจ้า เราก็ดันนึกว่าหนังสือคริสเตียน แหะๆ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ อายจัง
มุขนี้คิดนานไหมครับ
เม่น: รู้เปล่า หมอตรวจค่ายูริคของเรา พบว่า เราเป็นเก๊าท์ด้วยล่ะ
หญิงสาว: จริงหรอ เม่นเป็นเก๊าท์จริงๆหรอ
เม่น: ใช่ ใช่ เก๊ารักตัวเองงงงงงง )
ยืมไปใช้หน่อยน่ะครับคุณเม่น 55555+
ดีจังได้มาเจอเม่นโดยบังเอิญ ในนี้จะเป็นกำลังใจให้เพื่อนคนนี้เสมอนะ รักนะคะ
Finally,you find the woman who complete you.
From now your new lives begin, stay and end together.
I HERE MENN,Help me, my duck is sick wa ei ei
พี่เม่น ผมผ่านอะไรมาคลายพี่หลายอย่าง
ตั้งแต่ ชอบงานออกแบบ >> เข้าอบรม mind training >>
เล่นเกมกระแสเงินสด >> เข้าร่วมขายตรง ใจไม่รักพอ เลยดีดตัวออกมา >>อ่านหนังสือ Rich dad >> อ่านทุกอย่างทุกอย่างเกี่ยวกับการพัฒนา ตนเอง >>อยากทำธุรกิจของตัวเอง เลยออกจากงานที่ทำครั้งแรก 15,000 >> หันมาทำทำงานที่ตัวเองรักอย่างออกแบบเว็บ ทั้งที่จบสารสนเทศมา >> รู้ว่าตัวเองโดนโขกสับมาก >> ถามตัวเองว่ายอมทำไม >> สุดท้ายก็ตอบตัวเองว่า เพื่อวันของเรา >> สุดท้ายกลับมาศึกษาธรรมะไปเรื่อยๆ >> ค้นพบว่า ถ้าจะมีความสุขได้ ต้องตัดความโลภให้ได้ >> ปัจจุบัน กำลังหา ต้นแบบเพื่อเป็นนักธุรกิจ ที่ทำเพื่อคนอื่นบ้าง อะไรบ้าง แต่ต้องมีกินก่อนนะ ^^ >> สุดท้ายเมื่อแกร่งพอธุรกิจ องค์กรของผมคงไม่ไกล >> สุดท้ายอีกที ขอให้ธรรมะอยู่ในใจพี่เม่น ตลอดไป สาธุ