วัดป่า กาญจนบุรี

28 มกราคม 2002 00:27 น. บันทึก

(ขออภัยที่อัพเดทย้อนหลัง เพิ่งย้ายข้าวของมาที่บ้าน เลยเพิ่งได้ต่อเน็ทนะเออ – เม่น 30 ม.ค. 2545)

จู่ๆ คำเชื้อเชิญที่ไม่ได้คาดคิด ก็ผ่านมาทางโทรศัพท์ของผม ในช่วงที่ทั้งงานยุ่ง และ ความคิดยุ่งๆ

“เม่น เราไม่สบาย ความดันขึ้น มาเยี่ยมเราหน่อยสิ”
เสียงจากพระอาจารย์สาคร เจ้าอาวาสวัดป่าที่กาญจนบุรี ที่ผมเคยบวช

ทั้งที่ปกติแล้ว ท่านไม่เคยติดต่อ หรือ ขอร้องอะไรผมเลย

เมื่อผมไปถึงที่วัด พบว่า มีพระหลายรูป บินจากต่างจังหวัดมาเยี่ยม มาปรนนิบัติ มีโยมและหมอบางท่าน บินมาจากต่างประเทศ และมีใครต่อใครอีกมากมาหา หลังจากอาการดีขึ้น (คือความดันลดลงเหลือ 220!) ท่านได้กล่าวทีเล่นทีจริงว่า
“มาถึงแล้วก็ไปปฏิบัติภาวนาเสีย อาจารย์ไม่ใช่จะอยู่ค้ำฟ้านะ..”

เรื่องของการรู้ชะตากรรมของตนเอง ของพระผู้บำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลานานนั้น ใครหลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
แต่สำหรับผม คนที่เคยได้มีโอกาสเหยียบย่างไปทั้ง บนดินแดนของเทคโนโลยี และ ดินแดนของความเชื่อสมัยเก่า นั้น เห็นว่า เป็นความสามารถปกติ ของพระอริยเจ้า…

เกร็ดเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี มีพระป่ารูปหนึ่งได้มรณภาพไป กระดูกของท่านกลายเป็นผลึกอัญมณี ซึ่งความเชื่อของชาวพุทธจำนวนมาก เชื่อว่า หมายถึง ท่านเป็นพระอรหันต์
พระรูปนั้น มีนิสัยพูดน้อย สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อใครมาถามธรรมท่าน หลายครั้ง ท่านมักจะบ่ายเบี่ยงว่า “ไปถามพระอาจารย์สาครเถิด เราเป็นแค่ศิษย์ เป็นพระเล็กพระน้อย”

ในปี 2518 รัฐมนตรีจำนวนหนึ่งแห่งพรรคกิจสังคม (ปัจจุบันบางคนอยู่พรรคไทยรักไทย) ได้เสนอกฎหมาย 2 ฉบับ (ปัจจุบันก็ยังค้างอยู่ในสภา) ซึ่งเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.สงฆ์ และ รื้อฟื้นกฎมณเฑียรบาล – หากกฎหมายผ่านรัฐสภา มีแนวโน้มที่จะพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ (ความจริงเนื้อหารุนแรงมาก แต่เขียนแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวไอ้เม่นด๊อทคอมจะโดนปิดซะก่อน)

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนั้นเราไม่ได้นอนอยู่ 9 วัน 9 คืน พอรู้ข่าวว่า ยุบสภา ก็เลยสบายใจ”

(ความจริงมีบทความเขียนเกี่ยวกับเรื่องในแนวนี้อยู่มาก ทั้งพาดพิงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าทำไมระเบิดปรมาณูจึงไประเบิดที่ประเทศญี่ปุ่น-ไม่ใช่ไทย , ทำไมไม่มีเหตุการณ์นองเลือดหลายครั้ง ทั้งๆที่พิจารณาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ น่าจะมีโอกาสอยู่มาก
แต่ไอ้เม่นเห็นว่า เขียนแค่นี้หลายท่านก็ว่า เพ้อเจ้อ แล้ว , เรื่องของความเชื่อมันไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้นี่เนาะ)

พระอาจารย์เป็นศิษย์รุ่นท้ายๆของหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลังจากที่สองรูปได้มรณภาพไป ท่านก็ได้จาริกไปตามป่าเขาเพื่อภาวนา โดยกล่าวว่า “ถ้าได้พบอะไรแล้ว เราจะกลับมาสร้างวัด”

พระอาจารย์เข้าไปในป่าเมืองกาญฯเป็นเวลา 20 ปี แล้วออกมาสร้างวัดที่ อ.ทองผาภูมิ นับได้ 10 กว่าปี
20 กว่าปีในป่าอันอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ดุร้ายนานาชนิด ผมคิดว่า ไม่ใช่เรื่องธรรดาเลย หากใครจะมีชีวิตอยู่ได้
และไม่ใช่เรื่องธรรดากว่านั้น หากเค้าจะยังคงรักษาศีล 227 ข้อ ที่แม้แต่จะเด็ดดอกไม้ ก็ยังผิดศีล ..
“อยู่ในป่าดงดิบ สิงสาราสัตว์ก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา บางครั้งเมื่อได้กลิ่นสาบของเสือโคร่ง ลุกขึ้นมาสบตากับมัน ก็ต้องวัดกันละ … หากเรามิได้ปฏิบัติภาวนาให้เพียงพอ ก็สมควรจะถูกมันกินเป็นธรรมดา..”

ครั้งหนึ่งมีกระเหรี่ยงมาทำบุญที่วัด กระเหรี่ยงที่ปกติแล้ว จะดำรงชีวิตอยู่กับป่า นับถือในกฎของป่า (บางข้อนั้นคลับคล้ายคลับคลากับสำนวนในการ์ตูนชื่อดัง – COCO ที่ว่า “ไม่ล่า ในสิ่งที่ไม่กิน”) แต่พระอาจารย์เห็นอาหารที่นำมาถวายแล้วก็แปลกใจ

“เดี๋ยวนี้ไม่ได้ปลูกข้าวกินเองแล้วหรือ”
“ไม่ล่ะเจ้าค่ะ ซื้อเอาจากตลาดง่ายกว่า ปลูกเองมันเสียเวลา”
“อะไร้… แล้วจะไปเอาเงินจากไหน .. แล้วนี่ถ้าเขาทำสงครามขึ้นมา เราไม่ต้องอดตายรึ”

อาจจะดูแล้ว เป็นทั้งความคิดของเศรษกิจพอเพียง หรือ สอดคล้องกับการใฝ่หา UTOPIA แต่กระนั้น ทั้งมวลก็อยู่ในพระไตรปิฏก

“คุมอัตราการแลกเปลี่ยน ลดการนำเข้า มีวินัยทางการคลัง”
ก็ไม่ต่างจากความคิดพื้นฐานที่ว่า ..
“มีสัมมาทิฐิ ลด และ ละกิเลส เพื่อบริโภคแต่น้อย”

นินทากาเลเหมือนเทสุรา เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าหายใจ

ว่าถึงเรื่องพระสงฆ์องค์เจ้า(ในทางที่ดี) เห็นว่ามีเพื่อนหลายคนที่น่าสนใจ (ในทางที่ไม่ดี)
และคนที่พิเศษอย่างยิ่งนั้น ชื่อว่า ไอ้ป่าน

เนื่องจากต้องบวชหน้าไฟ ไอ้ป่าน ผู้ที่ปกตินั่งอยู่กลางลานเกียร์ คอยข่มขืนสาวๆที่ผ่านมาด้วยสายตา วันนั้นมันกลับมานั่งคุยเรื่องการบวช

“เฮ้ย ไอ้เม่น บวชแล้วนี่ ห้ามกินข้าวเย็นใช่ป่ะ”
“เออสิวะ แค่เป็นเณรยังห้ามเลย เป็นพระนี่ห้ามอยู่แล้ว”
“อ้อ หรอ..” ไอ้ป่านเว้นไปพักนึง ก่อนทำท่านเหมือนนึกอะไรได้

“เฮ้ย ไอ้เม่น แล้วหนังสือโป๊นี่ ห้ามดูด้วยหรือเปล่าวะ”
“ไอ้เหี้ย คนปกติเค้าก็รู้แล้วว่า มันผิด .. ห้ามโว้ยยย”

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อไอ้ป่านสึกออกมา และ มาสังสรรค์กับเพื่อนๆ

“ไหน ตอนบวชมึงทำอะไรมั่ง” เพื่อนๆถามเพราะแน่ใจว่า มันต้องทำอะไรผิดศีลซักอย่าง
“ไอ้ห่า กูรู้สึกสงบนะโว้ย ตอนเช้าไปบิณฑบาต ทำความสะอาดกุฏิ แล้วก็มีนั่งสมาธินิดหน่อย”

“เฮ้ย… คนอย่างมึงเนี่ยนะ” เพื่อนๆฟังด้วยความแปลกใจ แต่ก็รู้สึกอิ่มบุญไปกับไอ้ป่าน
“เออสิวะ เพียงแต่ตอนเย็นเค้ามีดูบอลกัน ก็เลยไปดูบอลกับเค้าด้วย ที่วัดมีเคเบิ้ลด้วยนะมึง”

อ้าว ไหมล่ะ ไอ้ป่านเริ่มส่อความริยำ แต่ยังคิดไม่ออกว่า มันผิดศีลข้อไหน จนกระทั่ง..
“แล้วกูก็อ่านหนังสือด้วยนะโว้ย.. ไม่ช่ายหนังสือโป๊ … แต่เป็น หนังสือ แฮร์รี่ พ้อตเท่อร์”
“แฮรี่ พ้อทเท่อร์!!!”
“ไอ้เหี้ย มึงผิดตั้งแต่ศีล 8 แล้ว บวชพระยังทะลึ่งอ่าน แฮร์รี่ พ้อทเท่อร์ อีก ไอ้ห่า..”

ความเห็น