หนังสือ : ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน

29 พฤศจิกายน 2001 23:36 น. บันทึก ,

แม้จะรู้สึกว่าตนเองชัก “ตื้นเขินทางอารมณ์” ใกล้พวกฝรั่งเข้าไปทุกที (หมู่นี้ กระผมซึ้งง่าย ขนาดดูหนังฮอลิวูดบางเรื่องยังน้ำตาซึม (ทั้งที่เมื่อก่อนต้องเป็นหนังอาร์ทเท่านั้น เดี๋ยวไม่เท่ห์) หรืออ่าน Reader’s Digest ชักรู้สึกว่ามีสาระ ทั้งที่เมื่อก่อนเกลี่ยดและเหยียดหยามมิน้อย, ฟังเพลงโจ๊ะวัยรุ่นแล้วรู้สึกหวั่นไหว .. ฯลฯ)

กระนั้น ผมก็ยังจะยืนยันว่า หนังสือ “ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” นั้น น่าอ่านจริงนะเออ

หมวด : นวนิยาย/วรรณคดี/วรรณกรรม
ISBN : 9747798204
ผู้เขียน : เปาโล โคเอโย
ผู้แปล : ชัยวัฒน์ สถานันท์
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
ครั้งที่พิมพ์ 3/2543
จำนวนหน้า 148 หน้า
ขนาด 14.5 × 21 cm.

เนื้อเรื่องกล่าวถึงคนที่พบกับความฝันตัวเอง และ พยายามจะเดินไปตามความฝันนั้น แม้ตอนจบจะงดงามเกินชีวิตจริงไปซักหน่อย แต่อุปสรรค และเรื่องราวระหว่างทาง ที่เดินไปหาความฝัน ผมว่ามันสมจริง

“ฉันอยากเห็นปราสาทในเมืองที่พวกเขาอยู่” เด็กหนุ่มอธิบาย
“เมื่อคนพวกนั้นมายังแผ่นดินของเรา มักพูดว่าอยากอยู่ที่นี่ตลอดไป” พ่อพูดต่อ
“แต่ฉันอยากเห็นแผ่นดินของเขา ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่กันยังไง” เด็กหนุ่มตอบ
“คนที่มาที่นี่มีเงินมาก พวกเขาถึงเดินทางได้” พ่อบอก “แต่ในหมู่พวกเรา คนที่เดินทางได้มีพวกเดียว คือคนเลี้ยงแกะ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะเป็นคนเลี้ยงแกะ”

แล้วการเดินทางของเด็กหนุ่มก็เริ่มต้นขึ้น เพื่อไปเจอกับคำทำนายของโชคชะตาของเค้าว่า “ต้องไปที่ปิรามิด ในอียิปต์ แล้วเจ้าจะพบกับขุมทรัพย์” ทั้งๆที่เขาก็เป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะ

“จะให้ช่วยอะไรไหม” ผู้ชายหลังช่องขายตั๋วถาม
“อาจจะช่วยได้พรุ่งนี้” เขาตอบ แล้วออกเดินต่อไป
แค่เขาขายแกะหนึ่งตัว เขาก็จะมีเงินค่าโดยสารเรือข้ามช่องแคบ ความคิดนี้ทำให้เขาตกใจ

“พวกช่างฝันมาอีกคนหนึ่งแล้ว” คนขายตั๋วบอกกับผู้ช่วย ขณะมองเด็กหนุ่มเดินจากไป
“มีความฝัน แต่ไม่มีเงินจะเดินทาง”

หลังจากผ่านความลังเลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของชีวิต เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจขายแกะ และได้เงินจำนวนมากพอควร แต่ด้วยความเป็นเด็กที่เพิ่งเข้ามาในเมืองท่า เขาจึงไม่สงสัยคนที่แกล้งมาตีสนิท และ.. เอาเงินทั้งหมดของเขาไป

เด็กหนุ่มเหลือเพียงตัวเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งเงินกินข้าว หรือ เดินทาง

ในความคิดไอ้เม่น เห็นว่าถ้าเป็นเรื่องจริง มันคงจบตรงนี้แหละ แต่ยังไงนี่ก็คือเรื่องเล่าที่งดงาม
เรื่องหลังจากนี้ต่างหากที่ทำให้รู้สึกว่า “หากเจ้าปรารถนาสิ่งใดอย่างแท้จริง จักรวาลทังปวงจะร่วมกันช่วยให้เจ้าบรรลุถึงความปรารถนานั้น”

เพราะ

“ชีวิตนั้นการุญต่อผู้ซึ่งมุ่งแสวงหาชะตากรรมของตน”

สำหรับคนช่างฝัน ไม่ว่าจะยังคงฝัน หรือว่าจะลืมมันไปแล้ว …
อ่านแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ?

นินทากาเลเหมือนเทสุรา เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าหายใจ

(ขอเล่าถึงเพื่อนบดินทร์บ้างละกันนะ เดี๋ยวจะหาว่า มีแต่กินเหล้า อิอิ)
วันก่อนขอให้ไอ้จ๋งมาช่วยงานเขียนโปรแกรมที่บริษัท เนื่องจากผมเขียนเองไม่ไหว (ขี้เกียจ + อู้) ไม่ได้คุยกับมันนาน มันก็ยังคงขรึมเหมือนเดิม

ไอ้เม่น : “เฮ้ย ได้ข่าวว่ามึงย้ายไปทำงานที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการนี่หว่า”
ไอ้จ๋ง : “ใช่แล้ว”
ไอ้เม่น : “ดี ดี ได้ทำตามความฝันของมึงสิ เห็นว่าอยากไปเพื่อจะได้รู้จักนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นักวิจารณ์”
ไอ้จ๋ง : “อ๋อ แต่ตอนที่ผมย้ายไป เค้าลาออกกันหมดแล้วว่ะ เหลือแต่คุณนรา ซึ่งดูท่าเค้าจะเบื่อๆหน้าผมแล้ว ส่วนอีกคนทีวิจารณ์ดนตรี ก็รู้กว้าง แต่ไม่รู้ลึกซักอย่าง”
ไอ้เม่น เริ่มจ๋อยเล็กน้อย ดูท่าทางไอ้จ๋งจะไม่ค่อยพอใจกับชีวิต
ไอ้เม่น : “แต่ยังไง มึงก็ได้ไปตามหาฝันของมึงแล้วนี่ กูว่าเป็นเรื่องดีออก”
ไอ้จ๋ง : “อ๋อ ผมได้ไปตามหาฝันแล้วว่ะ”
ไอ้เม่น : “ใช่มะ ใช่มะ”
ไอ้จ๋ง : “แล้วผมก็ได้รู้ว่า .. “
ไอ้จ๋ง : “มันไม่มีว่ะ”

ความเห็น

ความคิดเห็น

  1. ตลกร้ายเกิ้น
    เหมือนที่มุซาชิ เคยกล่าวว่า “หนึ่งในปฐพี ก็คือ ชีปะขาว”